วัยเด็ก ของ แอล. เอส. โลว์รี

โลวรี่เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 1887 เลขที่ 8 ถนน Barrett เมือง Stretford, Lancashire[8] เป็นการเกิดที่ยากลำบาก และเอลิซาเบ็ธ แม่ของเขานั้นหวังที่จะได้ลูกสาว ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดตั้งแต่ครั้งแรกที่มองเขา เธอแสดงออกชัดเจนว่าอิจฉาพี่สาวของเธอที่ชื่อแมรี่ ซึ่งมีลูกสาวแสนสวยถึงสามคน ต่างจากเธอที่มีลูกชายงุ่มง่ามคนหนึ่ง พ่อของโลวรี่, โรเบิร์ต เป็นเสมียนให้กับ the Jacob Earnshaw and Son Property Company เขาเป็นคนเงียบๆ และคิดถึงแต่ตัวเอง ซึ่งโลวรี่เคยอธิบายว่าเขาเหมือนกับ “ปลาเย็นๆ ลื่นๆ” และ “(เป็นผู้ชายประเภทที่) คิดว่าตนเองมีชีวิตเพื่อใช้ และพยายามให้ดีที่สุดที่จะผ่านมันไป”[9]

หลังจากที่โลวรี่เกิด แม่ของเขาก็สุขภาพย่ำแย่ลงจนไม่สามารถไปสอนเปียโนได้อีก ตัวเธอมีพรสวรรค์และได้รับความเคารพด้วยความทะเยอทะยานที่จะขึ้นบนเวทีในฐานะนักเปียโนมืออาชีพ เธอเป็นผู้หญิง โมโหร้าย มีอาการทางประสาท ซึ่งเกิดจากการมีพ่อที่เข้มงวด มีความคาดหวังและมาตรฐานสูง เหมือนกับเขา แม่ของโลวรี่ควบคุมและไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้น เธอใช้อาการป่วยเป็นการดึงความสนใจและความเชื่อฟังของสามีซึ่งอ่อนโยนและรักใคร่ในตัวเธอ รวมทั้งใช้เพื่อปกครองลูกชายของเธอด้วย ในบทสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาในชีวิตของโลวรี่แสดงให้เห็นว่าเขามีวัยเด็กที่โศกเศร้า เติบโตขึ้นในบรรยากาศที่กดดันของครอบครัว ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะไม่ได้พึงพอใจที่เขาเป็นศิลปิน แต่จำนวนหนังสือที่โลวรี่ได้รับเป็นของขวัญคริสต์มาสจากพ่อแม่ของเขาก็เขียนมอบไว้ว่า “แด่โลวรี่ที่รักของเรา” ที่โรงเรียน เขามีเพื่อนน้อยคน และไม่มีความโดดเด่นทางวิชาการ พ่อของโลวรี่เป็นที่รักของเขา แต่ในบันทึกนั้น ชายผู้นี้เป็นคนเงียบสงบ ความสบายใจของเขาคือการหายเข้าไปในเบื้องหลังของเรื่องราวด้วยการทำตัวสงบเสงี่ยม[10][11]

เวลาส่วนมากในช่วงปีแรกๆ โลวรี่ใช้ไปในแถบชานเมือง Manchester ส่วนหนึ่งของ Victoria Park, Rusholm แต่ในปี 1909 ช่วงที่เกิดภาวะกดดันทางเศรษฐกิจ ครอบครัวของโลวรี่ย้ายไปสู่ 117 Station Road ในนิคมอุตสาหกรรม Pendlebury ภูมิทัศน์ของที่นี่ประกอบไปด้วยโรงงานทอผ้าและปล่องไฟของโรงงานอุตสาหกรรมที่มีจำนวนมากกว่าต้นไม้หลายเท่า โลวรี่หวนคิดถึงในภายหลัง “ในตอนแรก ผมเกลียดที่นั่น หลังจากนั้นหลายปี ผมเริ่มสนใจมันมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมกลับหลงใหลมัน…มีอยู่วันหนึ่ง ผมพลาดรถไฟจาก Pendlebury – (a place) ผมละเลยมันไปถึง 7 ปี --- และขณะที่ผมกำลังออกจากสถานีนั้น ก็ได้เห็นโรงสีของ the Acme Spinning Company… โครงโลหะสีดำขนาดใหญ่และแถวของช่องแสงสีเหลืองตั้งตรง ต้านทานกับความเศร้า ในขณะที่ความชื้นจู่โจมท้องฟ้ายามบ่าย โรงสีถูกปิดไปแล้ว… ผมเคยเห็นฉากนี้มาก่อน--- ฉากที่ผมเคยมองดูอยู่หลายต่อหลายครั้ง โดยไม่เคยมองเห็น--- ด้วยความปิติล้นเหลือ”[12]

แหล่งที่มา

WikiPedia: แอล. เอส. โลว์รี http://www.bbc.com/news/magazine-30248214 http://www.britainunlimited.com/Biogs/Lowry.htm http://www.lowryprints.com/ls-lowry-biography http://www.thelowry.com/ls-lowry/his-life-and-work http://christchurchartgallery.org.nz/collection/br... http://www.manchestergalleries.org/whats-on/perman... http://www.bbc.co.uk/arts/yourpaintings/galleries/... http://www.bbc.co.uk/news/uk-16736495 http://www.citylife.co.uk/arts/news/12433_dream_ex... http://www.dailymail.co.uk/news/article-1352093/Lo...